Monday, November 20, 2006

Eternal Sunshine of the Spotless Mind (ลบเธอ...ให้ไม่ลืม)



ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดของ Jim Carrey จากที่ผมได้ดูผมก็คงต้องลงความเห็นเดียวกันครับ เพราะในเรื่องเค๊าทำได้ดีเหลือหลายครับ และไม่ใช่ตลกหน้าทะเล้นแบบที่เคยเห็นๆกันมา ทำให้ผมเชื่อได้ในระดับนึงเลยครับ ส่วนนางเอกของเรา Kate Winslet ก็ทำได้ดีในระดับผ่านครับในบทสาวที่ค่อนข้างจะไปทางพั๊งค์ๆ หน่อยตามแนวสมัยใหม่ครับ

เรื่องราวว่าด้วยการที่คนสองคนที่พบรักกันมาแล้วพออยู่ๆ ไปก็เริ่มเบื่อซึ่งกันและกันเลยพยายามที่จะหาทางลบอีกฝ่ายออกจากความทรงจำ โดยผ่ายนางเอกเป็นคนเริ่มก่อน พระเอกของเรามีเหรอที่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว แต่เมื่อตัดสินใจจะทำการลบความทรงจำพระเอกของเราก็ระลึกได้ว่า เธอคนนั้นมีค่ามากเพียงไหนสำหรับเค๊า และพยายามหนีการลบความทรงจำอยู่ในความคิดของเขา แต่สุดท้ายพระเอกของเราก็ไม่สามารถหนีได้สำเร็จครับ สำหรับเรื่องการลบความทรงจำนี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้แปลกออกไปจากเรื่องอื่นๆ ทำได้ดีพอสมควรครับ สำหรับจุดนี้

ในเรื่องมีตัวละครอื่นๆ เข้ามาทำให้เรื่องมีจุดหักมุมเพิ่มขึ้น ทำให้หนังมีเนื่อมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะ Kirsten Dunst ทำให้เราได้มองความรักในอีกแบบนึงดีครับ เป็นแบบที่ว่าเราที่เราจะรักไม่ว่าให้เริ่มใหม่อีกกี่ครั้งเราก็จะรักคนนี้ครับ

แต่มันก็มีส่วนที่ออกจะเกินๆไปนิด คือในช่วงที่ตัวละครกำลังลบความทรงจำของพระเอกอยู่ ฉากการเล่นและการก่อกวนต่างๆ มันออกจะเกินจริงไปนิดๆ ครับ ดูแล้วก็ขัดๆ พอสมควร

ฉากที่ผมประทับใจน่าจะเป็นการกลับมาเจอกันของพระเอกและนางเอกหลังจากที่ทั้งคู่ต่างถูกลบความทรงจำไปแล้ว ทั้งคู่ก็เกิดปิ๊งกันทันทีทั้งๆ ที่ต่างก็จำกันไม่ได้ มันทำให้เราเห็นว่าความรักเหมือนเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ ยังไงก็มักจะวนกลับมาหาจุดที่มันต้องการ หรือที่เค๊าเรียกกันว่า พรหมลิขิต นั่นแหละครับ

อีกส่วนที่ชอบก็คือตอนที่ต่างก็รู้ว่าต่างคนได้ทำการลบความทรงจำถึงอีกฝ่ายมา ซึ่งทั้งสองได้ฟังจากเทปที่ผ่ายนึงพูดถึงอีกฝ่ายนึงในสิ่งที่ไม่ดีของอีกฝ่ายก่อนที่จะทำการลบความทรงจำ และสุดท้ายนางเอกก็เดินหนีออกมาและพระเอกของเราก็เดินตามออกมาและคุยกันในเรื่องไม่ต้องการให้อีกั่งนึงคาดหวังในสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง เพราะสุดท้ายวันนึงก็จะพบว่ามันไม่ใช่ สำหรับผมมันเหมือนการที่คนสองคนที่คบกันมานานมานั่งทำความเข้าใจในเรื่องที่อีกฝ่ายมองตนเองและทำความเข้าใจกับมัน ผมว่ามันดีและสวยงามที่คู่รักควรกระทำต่อกันเพราะสุดท้ายมันน่าจะจบด้วยคำว่า OK เหมือนในหนังครับ

No comments: