Tuesday, April 3, 2007

The Fast and The Furious: Tokyo Drift


The Fast and The Furious ภาค Tokyo Drift เป็นหนังที่ผมไม่ค่อยอยากจะดูซักเท่าไหร่ เนื่องจากผมไม่ค่อยประทับใจกับภาคที่แล้ว(ภาค 2) เลยทำให้มองผ่านหนังเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน ล่าสุดมีโอกาสสั่งซื้อหนังจากทางเหนือในราคาไม่แพงเลยติดหนังเรื่องนี้มาดู ผลปรากฎว่าดูแล้วได้อะไรเยอะกว่าที่คิดมากครับ

ประเด็นแรกที่พลาดไม่ได้ก็คงเป็นหนังที่เปิดโลกของการ Drift ให้เราได้เห็นกัน ยอมรับเลยครับว่ามันส์ แบบไม่ต้องคิดอะไร ตัวหนังทำได้ดีแม้ออกจะโอเวอร์ไปหน่อยแต่ก็อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ และถือว่าทำได้เนียนมากๆครับ

แต่ประเด็นที่ทำให้ผมเขียนถึง The Fast and The Furious: Tokyo Drift ไม่ใช่ประเด็นของความมันสที่ได้จากการแข่งรถ แต่เป็นประเด็นที่ได้จากแนวคิดของหนัง ในช่วงที่ ฮาน และ พระเอกของเรา ยืนมองคนนับพันที่เดินข้ามถนนที่สี่แยกในชิบูย่าของญี่ปุ่นจากยอดของตึกสูง แล้วฮานก็พูดว่าคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินตามกระแสของสังคม ไม่กล้าที่หลุดออกมานอกจากกระแส ประโยคนี้ผมฟังแล้วทำให้คิดอะไรได้อีกเยอะเลยครับ ใครยังไม่ดูขอแนะนำให้ดูแล้วตั้งใจดูฉากนี้ ผมว่าเป็นฉากหนึ่งที่ผมชอบมากๆ เลย

เอาเป็นว่าผิดคาดสำหรับเรื่องนี้ครับ ผมได้อะไรๆดีมาเยอะเหมือนกันครับ...

Sunday, March 11, 2007

Almost Love (13 ปีจากคู่ซี้เป็นคู่ซึ้ง)



เห็นปกของหนังเรื่องนี้แล้วก็อดที่จะหามาดูไม่ได้ เนื่องจากผมเป็นแฟนประจำขอนักแสดงนำทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นสุดหล่อ ควอน ซัง วู ที่ขนาดผู้ชายอย่างผมยังเห็นว่าเค๊าเท่ห์ หรือ นางเอก คิม ฮา นุล ที่ดูแล้วไม่ค่อยจะสวยแต่ก็หลงเสน่ห์เธอทุกครั้งที่ดูหนังที่เธอเล่น สรุปว่าหนังเรื่องนี้หยิบมาดูเพราะดารานำทั้งสองคนครับ

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องของเพื่อนสองคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คอยดูแลกันและกันมาตลอด 13 ปี และต่างไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักอีกฝ่ายนึง ฝ่ายชายมีความฝันอยากจะเป็นเฉินหลงคนต่อไปซึ่งเป็นสาเหตุให้เข้าเรียนเอกเทควันโด ชอบนั่งใช้เวลาในการเขียนบทภาพยนตร์ และเป็นสุดยอดของการออกกำลังกาย ส่วนฝ่ายหญิงก็มีความฝันอยากจะเป็นนักแสดง แต่เธอมีข้อเสียอย่างนึงคือจะสั่นทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าคนมากๆ
เรื่องราวกุ๊กกิ๊กเริ่มเกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างมีแฟน ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับทั้งสองคนมากขึ้น

แต่ประเด็นที่สำคัญของหนังอยู่ที่วันนึง พระเอกของเราทำหน้าที่สตั้นแมนซึ่งเป็นงานแรกในวงการแสดงของเค๊าได้สำเร็จ และก็เป็นเวลาเดียวกับที่นางเอกของเราสามารถจะชนะใจตัวเองและสามารถผ่านการ test หน้ากล้องได้ พระเอกของเรากำลังเดินข้ามถนนและโทรหานางเอกของเราด้วยความดีใจ แต่อยู่ๆก็มรถคันนึงวิ่งเข้ามาชนพระเอกของเรา ทำให้พระเอกของเราต้องเสียขาไป 1 ข้าง เรื่องราวดรามาต่างๆ จึงเกิดขึ้น

คิม ซัง วู ชนะใจผมอีกเชนเคยในบทดรามา ในตอนที่เค๊าทราบว่าตัวเองเสียขาไปหนึ่งข้าง นั่นหมายถึง ความฝันทั้งหมดของเค๊าที่ฝันมาตั้งแต่เด็กต้องสลายไป ในฉากนี้ทำได้ดีมากครับ และอีกฉากเป็นในฉากที่นางเอกได้ให้วิดีโอให้กำลังพระเอกของเรา เล่นเอาผมนิ่งตามไปเลยครับ

พระเอกของเราหลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุนี้ได้หายไป และขาดการติดต่อจากนางเอกไป 1 ปี เค๊ากลับมาพร้อมกับบทภาพยนตร์ที่เขียนให้นางเอกของเรา และเข้าไปเสนอตามสตูดิโอต่างๆ ทางพระเอกของเราไม่ยอมขายให้สตูดิโอที่ต้องการซื้อ เพราะเหตุผลว่า ไม่ต้องการให้มีการแก้บทในหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเรื่องนี้เขียนมาเพื่อเธอ

จนมาถึงวันเกิดของนางเอก พระเอกของเราได้มาพบกับเธอ พร้อมแฟนของนางเอก เธอโกรธและตบหน้าพระเอกที่หายไปโดยไม่บอกกล่าว 1 ปี หลังจากนั้นพระเอกได้นั่งคุยกับแฟนของนางเอกที่เป็ฯเพื่อนเก่าและขอตัวไปห้องน้ำ ระหว่างที่ไปห้องน้ำแฟนนางเอกเห็นบทภาพยนตร์ที่เขียนถึงนางเอกจึงเก็บไปและนำไปให้นางเอกดู พร้อมกับคำว่า "เป็นคำสารภาพรักที่ยาวที่สุดที่เคยมีมา" และหลีกทางให้พระเอกและนางเอกโดยการจากไป

นางเอกของเราเมื่อ่านเรื่องราวจบก็ออกตามหาพระเอกของเรา ส่วนพระเอกของเราที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะจากไปก็ห้ามใจของตัวเองไม่ได้วิ่งกลับมาหานางเอกของเรา ความประทับใจอยู่ที่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอก และบอกให้พระเอกหยุดเดินมาหา และบอกว่า "จากนี้ฉันจะเป็นคนที่เดินไปหาคุณเอง" ประโยคนี้กินใจผมจริงๆครับ

โดยรวมเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องนึงสำหรับผมครับ


Sunday, December 10, 2006

Lock, Stock And Two Smoking Barrels (สี่เลือดบ้า มือใหม่หัดปล้น)



หนังเรื่องแรกของ กาย ริชชี่ ที่สร้างชื่อเสียงให้เจ้าตัว ก่อนที่จะมาสร้างหนังแนวคล้ายๆกัน เรื่อง Snatch หนัง Lock, Stock and Two Smoking Berrels เป็นหนังแนวตลกร้าย ที่เดินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ มุมมองของหนังเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งโดยส่วนตัวผมได้ดูหนังเรื่อง Snatch ก่อนจะมาดูหนังเรื่องนี้ เลยทำให้รู้สึกว่า ผู้กำกับมีแนวทางและ Style ที่เป็นตัวของตัวเองมาก

เรื่องราวว่าด้วย 4 หนุ่มเพื่อนรักซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเซียนเล่นไพ่ อยากจะหาทางรวย จึงรวบรวมเงิน 100000 ปอนด์ ไปขอเล่นไพ่กับเจ้าพ่อมาเฟีย ผลก็คือติดหนี้กลับมาอีก 500000 ปอนด์ และต้องหามาใช้คืนให้ได้ภายใน 7 วัน เรื่องราวที่แสนวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

จุดเริ่มต้นก็คือหนึ่งในสี่เพื่อนรักไปได้ยินข้างบ้านคุยกันในเรื่องการวางแผนปล้นที่ผลิตกัญชา ทำให้เกิดแผนที่จะปล้นเงินและกัญชาต่อจากแก๊งโจรนั้น จุดนี่เองที่ทำให้เรื่องราวแบบงูกินหางเกิดขึ้น ที่ว่างูกินหางจะเป็นอย่างไรต้องลองไปติดตามดูกันเองครับ เพราะถ้าเล่าตรงนี้คงจะต้องใช้พื้นที่เล่าเป็นหน้าเลยครับ

แต่ในตอนจบหนังก็แสดงใช้เห็นว่า (ไม่รู้ผมเห็นคนเดียวหรือเปล่า)การรวยทางลัดหรือการได้อะไรมาง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ แต่โอกาสมีให้เราเสมอ เพียงแค่เราจะมองมันเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ในหนังเรื่องนี่ที่ผมชอบมากๆ คงเป็น Style ของหนังที่มุมกล้องแตกต่างไปจากหนัง Hollywood ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ที่สำคัญแสงและ Soundtrack ทำให้อารมณ์ขอหนังสื่อออกมาได้มากขึ้นครับ

นักแสดงนำที่เรารู้จักก็คือ Jason Statham จากเรื่อง Transporter นักแสดงชาวอังกฤษคนนี้ผมออกจะชอบ เวลาที่เค๊าเล่นในบทแบบนี้ครับ แถมด้วยอีกคนคือ Vinny Jones ที่คนที่ดูบอลรุ่นเก่าๆ คงรู้จักกันดี สำหรับขาโหดคนนี้

สรุปได้ว่าเรื่องนี้สำหรับผมเป็นหนังขึ้นหิ้งอีกเรื่องครับ ไม่ว่าในแง่ของเรื่องราว และแสง สี เสียง ในตัวหนังครับ ที่สำคัญสำเนียงอังกฤษตลอดเรื่องครับ

Saturday, December 9, 2006

Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest (สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก)



การกลับมาอีกครั้งของกับตันแจ็ค สแปร์โรว์ (จอห์นนี้ เด็ปป์) สุดยอดโจรสลัดที่มีนิสัยแปลกๆ ที่อาจจะเป็นโจรสลัดที่เก่งที่สุดและห่วยที่สุดในคนๆเดียวกันเลยก็ได้ การกลับมาคราวนี้กับตันของเราต้องแก้คำสาป (จริงๆแล้วเป็นคำสัญญาที่เคยให้ไว้)ของ เดวี่ โจนส์เจ้าแห่งมหาสมุทร กับตันเรือฟลายอิ้ง ดัชแมน ซึ่งถ้าแจ็ค หาทางถอนคำสาปไม่ได้ ก็จะต้องเป็นทาสของ เดวี่ โจน ไปตลอดกาล ซึ่งทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือ การเอาหีบที่เก็บหัวใจของเดวี่ โจนส์ มาเป็นเครื่องต่อรองนั่นเอง (เป็นที่มาของชื่อตอน Dead Man's Chest)

ในขณะเดียวกัน ลอร์ด คัทเลอร์ เบ็คเก็ตต์ ก็ต้องการหีบนั่นเหมือนกัน เพื่อต้องการที่จะครอบครองมหาสมุทร ซึ่งเรื่องนี้เองก็เป้นเหตุให้ บิล เทอร์เนอร์ (ออร์แลโด้ บลูม) และ อลิซเบธ สวอนน์ (เคีบร่า ไนท์ลี่ย์ ขวัญใจของผม) ที่กำลังจะแต่งงานกัน โดนยัดเยียดโทษประหารเนื่องจากครั้งที่แล้วเป็นคนที่ทำให้ แจ็ค สแปร์โลว์หนีไปได้ ทางแก้ไขก็คือ ต้องไปนำเข็มทิศที่ติดตัว แจ็ค กับมาให้ได้ เพราะเข็มทิศนี้เป็นสิ่งที่ใช้บอกที่ซ่อนของหีบที่ทุกคนต้องการนั้นเอง

เนื้อเรื่องก็ดูสนุกไม่เครียด ไปเรื่อยๆ ในบางครั้งรู้สึกเหมือนดูบ้านผีปอปบ้านเรา เพราะมีฉากการวิ่งหนีเยอะเหลือเกิน ซึ่งโดยรวมก็ดูได้เรื่อยๆ ช่วงที่ตื่นเต้น จะไปอยู่ในช่วงที่ใช้ Special Effect มากกว่า โดยเฉพาะในตอนที่ คราเค่น (ปลาหมึกยักษ์) ออกมาทำร้ายเรือแต่ละครั้ง

ในเรื่องเพิ่มความเป็น Drama ตรงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่า อลิซเบธ นางเอกของเราจะเริ่มมีใจให้ แจ็ค เหมือนกัน ซึ่งภาคต่อไปอาจจะเฉลยออกมาว่า นางเอกของเราจะเลือกใคร

โดยส่วนตัวผมว่าในภาคนี้ แจ็ค สแปร์โรว์ ออกจะเพี้ยนมากไปหน่อยนึงในความคิดของผมนะ แต่ภาพรวมก็ยังคงทำได้ดี โดยจอห์นนี่ เด็ปป์ในบทแจ็ค สามารถดึงความเด่นจากตัวละครอื่นๆ มาได้โดยตลอด ยังคงทำได้ดีครับ สำหรับเด็ปป์

หนังเรื่องนี้เหมาะจะเป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิงในวันหยุดครับ แต่ขอบอกว่าอาจจะค้างคานิดๆ ในตอนจบ เพราะเราต้องติดตามต่อ ภาคหน้าครับ...

Tuesday, December 5, 2006

United 93



หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชวนให้ผมย้อนไปนึกถึงเหตุการณ์ 9/11 ที่เมื่อ 5 ปีก่อน ตัวผมเองก็ติดตามหน้าจอทาง CNN อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลานั้นคงไม่มีใครเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้

หนังว่าด้วยเรื่องของหนึ่งในเครื่องบินที่ถูก Hijack ในเหตุการณ์ 9/11 โดยเล่าเรื่องตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนขึ้นเครื่อง ช่วงเวลาที่โดน Hijack การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ไปจนถึงจุดจบของ United 93 บทสรุปของหนังพวกเราคงรู้กันจากชีวิตจริงอยู่แล้ว

ตัวหนังเล่าเรื่องได้ดีไม่ยืดยื้อ ผมเข้าใจว่าพยายามทำตามเหตุการณ์และเวลาที่เกิดขึ้นจริง ในเหตุการณ์นั้น อาจจะไม่ได้นำแสดงโดยนักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่ผมว่าตัวหนังทำได้ดีจนทำให้เราต้องติดตามตลอดเวลา

สิ่งที่ผมชอบในหนังคือ หนังไม่ได้ตัดสินว่าฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิด ทั้งฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่เชื่อในอุดมการณ์ของตัวเอง และฝ่ายผู้โดยการที่สู้แบบสุดชีวิตเพื่อที่ต้องการจะมีชีวิตกลับไปหาคนที่ตัวเองรัก ต่างฝ่ายต่างทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก ซึ่งมองกลับมาที่ความเป็นจริง โลกเราที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพียงเพราะว่าเรา "เชื่อ" ในสิ่งที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

ฉากที่ทั้งสองฝ่ายสู้กันและพยายามฝ่าเข้าไปในห้องนักบิน ทำให้ผมถึงกับอึ้งในอารมณ์ที่หนังสื่อออกมา เป็นเป็นภาพของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดและการต่อสู้จนตัวตายเพื่อความเชื่อและอุดมาการณ์ของตัวเอง ฉากนี้บอกได้ว่าสุดยอดครับ

โลกของเราคงมีความวุ่นวายน้อยลงถ้าเรายอมลดการเอารัดเอาเปรียบกัน ลดความเห็นแก่ตัวลง ทำให้ทุกคนเสมอภาค และให้ความรักแก่กัน แล้วความเชื่อการทำลายล้างอีกผ่ายที่อุดมการณ์ไม่ตรงกันคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ

Monday, December 4, 2006

My Little Bride (จับยายตัวจุ้น มาแต่งงาน)



หนังเรื่องนี้ผมดูผ่านๆมาทาง Cable TV หลายๆ ครั้งคิดว่าจะหามาดูซักวันเพราะดูแล้น่ารักดี และแล้วผมก็ได้มาจาก Bit อีกเช่นเคยเป็นครับ

โบยุน (มูน กินยัง)นักเรียนมัธยมสาวกำลังวุ่นใจกับการสอบเข้ามหาลัย เธอไปหลงรักนักเบสบอลหนุ่มสุดหล่อประจำโรงเรียนตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป แต่แล้ววันหนึ่ง คุณปู่ของเธอก็สั่งให้เธอแต่งงานกับ ซังมิน (คิม แรวอน)หนุ่มมหาลัยรูปหล่อที่เป็นหลานของเพื่อนคุณปู่ที่เคยร่วมรบมาด้วยกัน และคุณปู่ได้สัญญาว่าจะให้ลูกของทั้งสองแต่งงานกัน แต่รุ่นลูกของทั้งคุณปู่และเพื่อนคุณปู่ดันเป็นชายทั้งคู่ คำสัญญาดังกล่าวจึงตกมาถึงรุ่นหลาน ทำให้เรื่องราวมาตกที่หนุ่มสาวทั้งสองคนนี้

บูน กินยัง ทำได้ดีในบทของสาวสดใสวัย 16 ที่ทำให้ผมหลงรักได้ไม่ยากในความน่ารักของเธอ ส่วนคิม เวรอน ก็ทำได้ดีในบทของเค๊า ผมว่าทำได้ถึงเหมือนกันในบทที่ต้องแสดงออกถึงความอดทนในการที่จะรอคอยความรักหรือรอให้ความรักเบ่งบานในใจใครซักคน

สิ่งที่ขัดๆ สำหรับผมคือฉากตอนจบในห้องประชุมของโรงเรียน ออกจะขัดๆกับความเป็นจริงที่จะเป็นไปได้ ลองหามาดูกันเองละกันครับ ในช่วงนี้ไม่อยากจะเฉลย ให้พิจารณากันเองดีกว่า

ความประทับใจเรื่องนี้เป็นซึ่งการตีความส่วนตัว อยู่ที่ความรู้สึกของพระเอกของเรา ซึ่งอยู่ในฐานะหนุ่มที่มีวุฒิภาวะมากกว่าและเข้าใจหัวใจตัวเองมากกว่า และเค๊าพบว่าเค๊ารักผู้หญิงคนนี้(น่าจะตั้งแต่เด็กๆ หนังพยายามสื่อแบบนั้น)แต่ต้องรอให้ความรักในหัวใจของอีกฝ่ายเบ่งบานแม้จะต้องอดทนรอนานขนาดไหน การรอคอยแบบนี้แม้จะดูเพ้อฝันแต่ก็สวยงามและในชีวิตจริงอาจไม่สมหวังเหมือนในฝันก็ตาม แต่สำหรับหนังเรื่องนี้การรอคอยของพระเอกของเราคุ้มค่ากับการรอคอยครับ

Sunday, December 3, 2006

Noodle Boxer (แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า)



แค่เห็นหน้าหนังเรื่องนี้ก็คงเดาได้ว่าเนื้อหาหนังจะเป็นแบบไหน สำหรับผมหนังเรื่องนี้เป็น Comedy แบบมีโรแมนติกนิดๆ ใจจริงไม่ได้คิดจะไปดูหรอก พอดีเมื่อคืนก่อนนอนมีโอกาสได้ดูโฆษณาของหนังเรื่องนี้ปรากฎว่ามุขฮามากครับเลยตัดสินใจไปดู ประจวบกับไปกับน้องคนนึงที่อยากเห็นรอยยิ้มของเค๊าเลยคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเหมาะ

เรื่องราวว่าด้วยนายสนิท(แดน)พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นรสเด็ดที่มีความฝันอยากเป็นนักมวยตั้งแต่เด็ก แต่ไปๆมาๆ ชกไม่เคยชนะสักครั้ง แต่นายสนิทนี่ดันมีแฟนสวยสวยสุดอิ๋มชื่อ สวย(วีเจ จ๋า)รักแล้วต้องแสดงออก แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นไปง่ายๆ เมื่อนายสนิทของเรามีเพื่อนอีกคนที่เป็นคู่แข่งทั้งในเรื่องของมวย และในเรื่องของหัวใจ ชื่อนายสิน ที่สำคัญนายสินคนนี้ มีดีกว่าพระเอกของเราทุกอย่าง ทั้งในเรื่องของฝีมือมวยและฐานะ ทำให้เรื่องราววุ่นๆ เกิดขึ้น

หนังได้หักมุมจากการเป็นหนัง Comedy มาเป็น Drama ก็ในช่วงที่เฉลยออกมาว่าน้องสวยของเราเป็นเนื้องอกในสมอง หนังดำเนินและก็จบลงตามสูตร พระเอกและนางเอกได้อยู่ด้วยกัน แต่ด้วยวิธีไหนเหรอครับ ไม่อยากเฉลยไปดูกันเอาเองครับ

สำหรับดาราสมทบคนอื่นๆ สำหรับผม ผมให้คะแนนเต็มสิบกับดาราตลกทั้ง 4 ท่านที่เข้ามาเสริมให้หนังเรื่องนี้ฮาแบบสุดยอด โดยเฉพาะ ค่อม ชวนชื่น และ โก๊ะตี๋ ทำได้ดีเกินคาดครับ ฮามาก ส่วนอีกสองคนคือ จตุรงค์ และ จิ๋ม ชวนชื่น ก็ทำได้ดีในระดับที่ผ่านครับ

สิ่งที่ชอบสำหรับเรื่องนี้คือตัวสวยครับ วีเจจ๋า ทำได้ดีจนเราอดหลงรักตัวละครตัวนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะฉากที่เต้นแล้วอัดในกล้องถ่ายวีดีโอให้นายสนิทดูเพื่อให้กำลังใจ ทำได้น่ารักมากๆครับ อีกส่วนนึงที่ชอบคือสิทธิ์และสองที่รับบทโดยค่อม และโก๊ะตี๋ทำให้หนังมีสีสันมากขึ้นอีกเยอะเลยครับ

อีกจุดนึงที่ชอบคือ ตอนสรุปช่วงสุดท้ายที่นายสนิทของเราสรุปว่าทุกคนมีสิทธิ์จะฝันและอยากจะเป็น แต่เราต้องหันมามองดูความเป็นจริงรอบๆ ตัวเราด้วยว่าเราอยู่ตรงไหน และที่ไหนที่เราควรจะไปครับ

โดยรวมแล้วเป็นหนังที่สร้างความบันเทิงได้ในระดับนึงเลยทีเดียว เหมาะที่จะดูในวันพักผ่อนครับ ที่สำคัญเรียกรอยยิ้มของน้องคนนั้นได้เยอะเลยครับ